ถึงจะอยากเลี่ยง แต่บางทีก็ยากเกินจะหลบ สำหรับอาการออฟฟิศซินโดรม ที่สามารถเกิดกับมนุษย์เงินเดือนได้ทุกเมื่อ โดยเฉพาะใครที่อินกับการทำงานเสียจนหลงลืมการปรับท่ายืน เดิน และนั่งระหว่างวัน จนทำให้เกิดโรคภัยตามมาเป็นหางว่าว ซึ่งอาการยอดนิยมหนีไม่พ้น นิ้วล็อคและหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่ตีคู่กันมาแบบไม่มีใครยอมใคร

ว่าด้วยโรคนิ้วล็อคนั้น ไม่จำเพาะเจาะจงว่าจะเกิดกับหนุ่มสาวออฟฟิศที่นั่งจิ้มคีย์บอร์ดคอมพิวเตอร์ทั้งวันเท่านั้น แต่สำหรับบางอาชีพอย่างคุณครู แม่บ้าน ช่างตัดผม คนทำขนม ไปจนถึงนักกอล์ฟ ก็มีสิทธิเสี่ยงต่อการเป็นโรคนิ้วล็อคได้ทั้งนั้น เพราะเป็นอาชีพที่จำเป็นต้องมีการจับถืออุปกรณ์ด้วยท่าเดิมนานๆ นั่นเอง

เมื่อคนเราใช้มือหยิบจับด้วยท่าเดิมๆ นานวันเข้า จะทำให้ปลอกหุ้มเส้นเอ็นเกิดการหนาตัวขึ้น จนทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนตัวผ่านปลอกหุ้มเส้นเอ็นลำบาก เกิดการเสียดสีกันระหว่างเส้นเอ็นกับปลอกหุ้ม ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบและปวดได้ ซึ่งแม้จะเป็นอาการเจ็บปวดที่ไม่ร้ายแรง แต่ก็เรื้อรังและส่งผลรบกวนจิตใจมิใช่น้อย

เช่นเดียวกับโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท ที่เกิดจากการทำงานในอิริยาบถเดิมซ้ำๆ เช่น นั่ง ยืน หรือยกของในท่าที่ไม่ถูกต้อง โดยในระยะแรกคนส่วนใหญ่มักไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็น นึกว่าเป็นเพียงการปวดเมื่อยธรรมดา จึงปล่อยทิ้งไว้จนอาการหนักขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นนั่งหรือยืนนานๆ ไม่ได้ และส่งผลกระทบต่อการทำงานในที่สุด

ทั้งนิ้วล็อคและหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทล้วนเป็นกลุ่มอาการออฟฟิศซินโดรม ที่มีแนวทางรักษาได้หลายแบบ เริ่มตั้งแต่รักษาด้วยตัวเอง ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและท่าทางในการนั่ง ยืน หรือยกของ การออกกำลังกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพร่างกายโดยรวม ไปจนถึงการนวดหรือฝังเข็ม การทำกายภาพบำบัด ไปจนถึงการรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด ซึ่งเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ต้องจ่ายแพงไม่ใช่น้อย